s__3194882

 

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำหรับ การใช้กล้องวงจรปิด

ด้วย บริษัท โภคา ฟีด จํากัด ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า “บริษัท” กําลังดําเนินการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV) สําหรับการเฝ้าระวังสังเกตการณ์ในพื้นที่ภายในและรอบบริเวณบริษัท เช่น บริเวณอาคาร รอบอาคาร ของบริษัท  เพื่อการปกป้องชีวิต สุขภาพ ร่างกาย และทรัพย์สิน

ทั้งนี้ บริษัทได้ทําการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงาน พนักงาน ลูกค้า ลูกจ้าง ผู้ฝึกงาน ผู้รับเหมา ผู้มาติดต่อ หรือบุคคลใด ๆ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกรวมกันว่า “ท่าน”  ที่เข้ามายังพื้นที่โดยผ่านการใช้งานอุปกรณ์กล้องวงจรปิดดังกล่าว  ประกาศความเป็นส่วนตัวในการใช้กล้องวงจรปิดฉบับนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการ ดําเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย  ซึ่งข้อมูลที่สามารถทําให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้  รวมทั้งสิทธิ   ต่าง ๆ ของท่าน ดังนี้

  1. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทดําเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานกฎหมายดังต่อไปนี้

  • ความจําเป็นในการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น
  • ความจําเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือบุคคลอื่น โดยประโยชน์ดังกล่าว มีความสําคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • ความจําเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควบคุมดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัยและ สภาพแวดล้อมในสถานที่ทํางาน และทรัพย์สินของบริษัท
  1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทดําเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

  • เพื่อการปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยส่วนตัวของท่าน ซึ่งรวมไปถึงทรัพย์สินของท่าน
  • เพื่อการปกป้องอาคาร สิ่งอํานวยความสะดวกและทรัพย์สินของบริษัทจากความเสียหาย การขัดขวางการทําลาย ซึ่งทรัพย์สิน หรืออาชญากรรมอื่น
  • เพื่อสนับสนุนหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อการ ยับยั้ง ป้องกัน สืบค้น และ ดําเนินคดีทางกฎหมาย
  • เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการระงับข้อพิพาท ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่มีกระบวนการทางวินัยหรือกระบวนการร้องทุกข์
  • เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการสอบสวน หรือ กระบวนการเกี่ยวกับการส่งเรื่องร้องเรียน
  • เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการริเริ่มหรือป้องกันการฟ้องร้องทางแพ่ง หรือทางอาญา ซึ่งไม่ได้จํากัดเพียงการดําเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน
  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมและใช้

ตามวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งในข้อ 2. บริษัททําการติดตั้งกล้องวงจรปิดในตําแหน่งที่มองเห็นได้ โดยจะจัดวางป้ายเตือนว่ามีการใช้งานกล้องวงจรปิด ณ ทางเข้าและทางออก รวมถึงพื้นที่ที่บริษัทเห็นสมควรว่า เป็นจุดที่ต้องมีการเฝ้าระวัง เพื่อบันทึกและเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อท่านได้เข้ามายังพื้นที่ ดังนี้

3.1 รายการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม  มีดังต่อไปนี้

  • ภาพนิ่ง
  • ภาพเคลื่อนไหว
  • เสียง
  • ภาพทรัพย์สินของท่าน เช่น พาหนะ กระเป๋า หมวก เครื่องแต่งกาย เป็นต้น
  • อื่น ๆ (หากมี)

3.2 บริษัทจะไม่ทําการติดตั้งกล้องวงจรปิด ในพื้นที่ที่อาจล่วงละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน จนเกินสมควร ได้แก่ ห้องพัก ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ หรือสถานที่เพื่อใช้ในการพักผ่อนของผู้ปฏิบัติงาน

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลในกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวกับท่านไว้เป็นความลับ และจะไม่ทําการเปิดเผย เว้นแต่ กรณีที่บริษัทมีความจําเป็น เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการเฝ้าระวังสังเกตการณ์ตามที่ได้ ระบุในประกาศฉบับนี้ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลในกล้องวงจรปิดแก่ประเภทของบุคคลหรือนิติบุคคล ดังต่อไปนี้

4.1 หน่วยงานที่มีอํานาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกําหนด เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุนในการบังคับใช้กฎหมาย หรือเพื่อการดําเนินการสืบสวน สอบสวน หรือการดําเนินคดีความต่าง ๆ

4.2 ผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพื่อความจําเป็นในการสร้างความมั่นใจในเรื่องการป้องกัน หรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ รวมทั้งทรัพย์สินของท่านหรือบุคคลอื่น

  1. สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมได้มากขึ้น โดยสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

5.1 สิทธิในการเข้าถึง รับสําเนา และขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บ รวบรวม เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคําขอของท่านตามกฎหมายหรือคําสั่งศาล หรือกรณีที่คําขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

5.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

5.3 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้

5.3.1 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัททําการตรวจสอบตามคําร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องสมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน

5.3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

5.3.3. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจําเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์บริษัท ได้แจ้งไว้ในการเก็บรวบรวม แต่ท่านประสงค์ให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไป เพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย

5.3.4 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทกําลังพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบความจําเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

5.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคําขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้ง สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือ เพื่อประโยชน์ สาธารณะตามภารกิจของบริษัท)

  1. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการเฝ้าระวังสังเกตโดยการใช้อุปกรณ์กล้องวงจรปิดตามที่ประกาศนี้กําหนด บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องกับท่าน เป็นระยะเวลา 90 วัน และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวบริษัทจะทําการ ลบ ทําลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามระบบของ CCTV ซึ่งมีการบันทึกต่อเนื่องใน Hard disk ที่จัดเก็บข้อมูล

  1. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ลบ ทําลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ

นอกจากนี้ บริษัทได้กําหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล โดยธํารงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้จัดให้มีการทบทวนนโยบาย ดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

  1. ความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทได้กําหนดให้เฉพาะผู้ที่มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยบริษัทจะดําเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด

  1. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว

ในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ บริษัทอาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร และจะทําการแจ้งให้ทราบก่อนที่จะเข้ามาในพื้นที่ของบริษัท โดยจะมีการให้คําแนะนําโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กรณีที่ท่านเข้ามาติดต่อในบริษัท โดยจะมีป้ายติดประกาศบริเวณหน้าป้อมยาม และบอร์ดประชาสัมพันธ์ของบริษัท ทั้งนี้ท่านสามารถอ่านหรือสแกน QR Code ได้

โดยบริษัทจะมีการปรับปรุงข้อมูลหรือประกาศนี้ โดยมีวันที่กํากับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนําให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะเข้ามาในพื้นที่ของบริษัท

การเข้ามาในพื้นที่ของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้  ทั้งนี้โปรดระงับการเข้าพื้นที่ หากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากท่านยังคงเข้ามาในพื้นที่ต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไข และนําขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว

  1. ข้อมูลการติดต่อ

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล :  บริษัท โภคา ฟีด จํากัด
สถานที่ติดต่อ : ที่อยู่เลขที่ 284/1  หมู่ 1  ตำบล ดอนยายหอม  อำเภอ เมืองนครปฐม  จังหวัด นครปฐม
หมายเลขโทรศัพท์ : 034-300181-3    โทรสาร :  034-300180    อีเมล : personnel.phoca@gmail.com

 

ประกาศ ณ วันที่   1    มิถุนายน   พ.ศ.  2565

 

 

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำหรับผู้สมัครงานและพนักงาน

ด้วย บริษัท โภคาฟีด จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562  และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง  ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นผู้สมัครงาน พนักงาน นักศึกษาฝึกงาน อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในความเป็นส่วนตัวของบุคคล โดยกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  ได้กําหนดหลักเกณฑ์ หรือมาตรการในการกํากับดูแลการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิต่างๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล  บริษัทจึงได้กําหนดนโยบายฉบับนี้ขึ้น  เพื่อเป็นหลักในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

  1. คำนิยาม ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
  • กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือความเป็นส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นกฎหมายภายในประเทศ กฎหมายต่างประเทศ หรือกฎหมายของภูมิภาคใดๆ ที่มีผลใช้บังคับกับบริษัทหรือการประกอบธุรกิจของบริษัท
  • ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อและนามสกุล เลขบัตรสำคัญประจำตัว เป็นต้น ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ทั้งนี้เป็นไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
  • เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ผู้สมัครงาน พนักงาน นักศึกษาฝึกงาน หรือเคยเป็นพนักงานของบริษัท ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
  • ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บริษัทซึ่งมีอํานาจตัดสินใจเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ ซึ่งบริษัทที่ได้ข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูล หรือให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล หรือต้องปฏิบัติตามสัญญากับเจ้าของข้อมูล
  • เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ทําหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง  ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท
  • บริษัท หมายถึง บริษัท โภคา ฟีด จำกัด  มีสถานะทางกฎหมายเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  • ผู้สมัครงาน หมายถึง บุคคลที่อาจได้รับคัดเลือกเป็นพนักงาน หรือนักศึกษาฝึกงานของบริษัท โดยบริษัทอาจเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครเองโดยตรงหรือได้รับจากบุคคลภายนอกก็ได้ บริษัทจะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  • พนักงาน หมายถึง บุคคลซึ่งทํางานหรือปฏิบัติหน้าที่ใดๆให้กับบริษัท และได้ค่าจ้าง สวัสดิการ หรือค่าตอบแทนอื่นไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรจากบริษัท เพื่อตอบแทนการทํางาน
  • ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครและพนักงาน หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครและพนักงานของบริษัท และให้หมายความรวมถึงผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เช่น บุคคลในครอบครัว (เช่น บิดามารดา คู่สมรส และบุตร เป็นต้น) บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง และผู้ค้ำประกันการทำงาน เป็นต้น
  1. วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

2.1 เพื่อพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครหรือนักศึกษาฝึกงาน ประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่บริษัทต้องการสรรหา  เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เช่น การรับสมัคร การทดสอบ การสัมภาษณ์ การประเมิน การคัดเลือก ตลอดจนการเสนอการจ้างงาน

2.2 เพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอของพนักงานก่อนเข้าทําสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่ง พนักงานเป็นคู่สัญญากับบริษัทฯ เช่น จัดทําสัญญาจ้างงาน ข้อตกลงการปฏิบัติตามสัญญาจ้างงาน การปฏิบัติตาม ข้อบังคับและระเบียบการบริหารงานบุคคลของบริษัท จรรยาบรรณ การมอบหมายให้ปฏิบัติงาน การโยกย้ายพนักงาน การฝึกอบรม การประเมินผลการปฏิบัติงาน การพิจารณาตําแหน่งงาน ค่าตอบแทน การบริหาร การดูแลเรื่องสุขภาพ และความปลอดภัยของพนักงาน

2.3 เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคําสั่งของผู้ที่มีอํานาจตามกฎหมาย เช่น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม กฎหมายความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน กฎหมายควบคุมการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กฎหมายควบคุมโรคติดต่อ

2.4 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น เช่น การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ การศึกษาวิเคราะห์และจัดสรรกําลังคน การพัฒนาพนักงาน การจัดสวัสดิการรักษาพยาบาล การจัดสวัสดิการด้านการประกันภัย และสวัสดิการอื่น ๆ ของพนักงาน เช่น สถานพยาบาล โรงอาหาร ศูนย์กีฬา สถานที่ออกกําลังกาย การดําเนินการเรื่องกิจกรรมพนักงาน การบริหารด้านการเงินและงบประมาณ การติดต่อภายใน การติดต่อกับบุคคลภายนอก การดําเนินการต่าง ๆ ทางทะเบียน การมอบอํานาจ การจัดทําหนังสือรับรอง การจัดทําเอกสารเผยแพร่แก่สาธารณะ การจัดทํารายงาน การส่งข้อมูลให้หน่วยงานราชการ/ หน่วยงานกํากับดูแล การยืนยันตัวตนและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับจากพนักงาน การวิเคราะห์และจัดทําฐานข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการทํางาน การติดต่อ ส่งข่าวสาร และประชาสัมพันธ์ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทํางาน การจัดให้มีสิ่งอํานวยความสะดวก การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ การสร้างบัญชีผู้ใช้งาน การระบุตัวตนเพื่อเข้าใช้ระบบงาน และการเข้าถึงระบบสารสนเทศ การรักษาความปลอดภัย การป้องกันอุบัติเหตุและอาชญากรรม การตรวจสอบและจัดการเกี่ยวกับข้อร้องเรียนและการทุจริต คดีหรือข้อพิพาทต่างๆ การดูแลพนักงานหลังพ้นสภาพการเป็นพนักงาน  และการจัดการที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญากู้ยืมเงิน การทำสัญญาค้ำประกัน หรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกิจการของบริษัทฯ หรือต่อสถาบันการเงิน หรือหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน

2.5 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของพนักงานหรือบุคคลอื่น เช่น การ ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ

2.6 เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดําเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทหรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อํานาจรัฐที่ได้รับมอบ

2.7 เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามความยินยอมที่พนักงานได้ให้ไว้ในแต่ละคราว

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

3.1 ข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาพนักงาน เช่น Resume Curriculum Vitae (CV) จดหมายสมัครงานใบสมัครงาน ความเห็นประกอบการสรรหาพนักงาน การพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครหรือนักศึกษาฝึกงาน เพื่อประเมินความเหมาะสม

3.2 ข้อมูลในการติดต่อกับพนักงาน เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลโซเชียลมีเดีย

3.3 ข้อมูลเกี่ยวกับตัวของพนักงาน เช่น วันเดือนปีเกิด อายุ เพศ กรุ๊ปเลือด สถานะการสมรส ความสนใจ ความคิดเห็น

3.4 ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกครอบครัวหรือผู้อยู่ในความดูแลของพนักงานที่มีสิทธิได้รับสวัสดิการ ตามข้อบังคับและระเบียบการบริหารงานบุคคลของบริษัท เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับคู่สมรส ข้อมูลเกี่ยวกับบุตร ข้อมูลเกี่ยวกับบิดามารดา ผู้รับผลประโยชน์ ทั้งนี้ ก่อนการให้ข้อมูลกับบริษัทให้พนักงานแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ให้บุคคลดังกล่าวทราบด้วย

3.5 รูปถ่าย ภาพเคลื่อนไหว ที่ได้จากการสมัครงาน การปฏิบัติงาน การเข้าร่วมกิจกรรม หรือภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV)

3.6 ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา ความสามารถ การพัฒนาศักยภาพ และคุณสมบัติอื่น ๆ ของพนักงาน เช่น ระดับการศึกษา วุฒิการศึกษา สถาบัน มหาวิทยาลัย ประวัติการศึกษา ประวัติการฝึกอบรม ผลการศึกษา ผลการทดสอบ สิทธิในการทํางานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คุณสมบัติด้านวิชาชีพ ความสามารถ ทางด้านภาษาและความสามารถอื่น ๆ ข้อมูลจากการอ้างอิงที่พนักงานได้ให้แก่บริษัทฯ

3.7 ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ทํางานและข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานในอดีต เช่น หนังสือรับรองการทำงาน  ตําแหน่งงาน รายละเอียดของนายจ้าง เงินเดือนค่าตอบแทน และสวัสดิการที่ได้รับ

3.8 ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่สามารถปฏิบัติงานได้

3.9 ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของพนักงาน เช่น นิสัย พฤติกรรม ทัศนคติ ความถนัด ทักษะ ภาวะความเป็นผู้นํา ความสามารถในการทํางานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทางอารมณ์ ความผูกพันต่อองค์กร ซึ่งอาจได้มาจากการสังเกตและวิเคราะห์พนักงานในระหว่างการปฏิบัติงานหรือเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัท

3.10 ข้อมูลเกี่ยวกับภาระทางทหาร

3.11 ข้อมูลที่จําเป็นสําหรับการรายงานหน่วยงานที่กํากับดูแล เช่น กระทรวงแรงงาน

3.12 ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลค่าจ้าง เงินเดือน รายได้ ภาษี กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ บัญชีธนาคาร การกู้ยืมเงิน รายการยกเว้นหรือหักลดหย่อนทางภาษี

3.13 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประกันสังคม การคุ้มครองแรงงาน สิทธิประโยชน์ สวัสดิการ และ ผลประโยชน์ที่พนักงานได้รับหรือมีสิทธิที่จะได้รับตามข้อบังคับและระเบียบบริหารงานบุคคลของบริษัท

3.14 บันทึกการเข้าออกงานและระยะเวลาในการปฏิบัติงาน การทํางานล่วงเวลา การขาดงาน และลางาน

3.15 ข้อมูลประวัติการปฏิบัติงาน ตําแหน่งงาน การเข้าประชุม การให้ความเห็น ในกรณที่เป็นกรรมการบริษัท จะมีการเพิ่มเติมข้อมูลประวัติกรรมการ ทะเบียนกรรมการ

3.16 ข้อมูลการใช้งานและการเข้าถึงระบบสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ ระบบงาน เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ระบบโครงข่าย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอีเมล เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ ของบริษัทและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

3.17 ข้อมูลที่รวบรวมจากการมีส่วนร่วมกับบริษัท เช่น การเข้าร่วมกิจกรรม การตอบแบบสํารวจ การ ตอบแบบประเมิน

3.18 ข้อมูลที่พนักงานเลือกจะแบ่งปัน และเปิดเผยผ่านระบบแอปพลิเคชัน เครื่องมือ แบบสอบถาม แบบประเมิน และเอกสารต่าง ๆ ของบริษัทฯ

3.19 สําเนาเอกสารที่สามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของพนักงาน เช่น บัตรประจําตัวประชาชน หนังสือ เดินทาง  เอกสารอื่น ๆ ที่ออกให้โดยหน่วยงานของรัฐ ทะเบียนราษฎร์

3.20 รายละเอียดของผู้ที่บริษัทสามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน  หรือรายละเอียดถึงบุคคลอ้างอิง

3.21 รายละเอียดของผู้ค้ำประกันการทำงาน รวมถึงเอกสารที่ใช้ในประกอบการพิจารณาต่างๆ

3.22 ข้อมูลเกี่ยวกับยานพาหนะ ใบอนุญาตขับขี่ ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะ และกรณีที่ พนักงานขับขี่ยานพาหนะที่บริษัทจัดหาให้ บริษัทจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับขี่ยานพาหนะของ พนักงานด้วย

3.23 ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ทั้งในกรณีที่พนักงานประสบอุบัติเหตุในเวลางานหรืออันเนื่องมาจากการปฏิบัติงาน และอุบัติเหตุอื่น ๆ

3.24 ข้อมูลอื่นๆ ที่จําเป็นต่อการปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงาน การดูแลสิทธิประโยชน์สวัสดิการ การวิเคราะห์และการบริหารงานขอบริษัท การดูแลพนักงานหลังพ้นสภาพการเป็นพนักงาน และการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ

3.25 ข้อมูลที่เกี่ยวกับการร้องเรียน การร้องทุกข์ การสอบสวน การลงโทษทางวินัย ทั้งนี้ หากพนักงานปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องใช้เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือเพื่อเข้าทําสัญญาแก่เรา อาจทําให้การปฏิบัติงานตามสัญญาและสิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการหรือบริการที่เราจัดไว้  ไม่สามารถดําเนินการได้อย่างสมบูรณ์

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษ

4.1 บริษัทอาจมีความจําเป็นต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของพนักงาน เพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่เราแจ้งไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้

4.2 บริษัทอาจต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของพนักงาน ในกรณีดังต่อไปนี้

  • ข้อมูลสุขภาพ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจําตัว ตาบอดสี ผลการตรวจร่างกาย ข้อมูลการแพ้ อาหาร ข้อมูลการแพ้ยา หมู่โลหิต ใบรับรองแพทย์ ประวัติการรักษาพยาบาล ประวัติการจ่ายยา ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล เพื่อการคุ้มครองแรงงานและการจัดให้มีสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลสําหรับพนักงาน การประเมินความสามารถในการทํางานของพนักงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของพนักงาน เพื่อการบริหารจัดการที่เหมาะสมอื่น ๆ
  • ข้อมูลชีวภาพ (biometric data) เช่น ข้อมูลจําลองลายนิ้วมือ ข้อมูลภาพจําลองใบหน้า เพื่อใช้ใน การระบุและยืนยันตัวตนของพนักงาน การป้องกันอาชญากรรม และการรักษาประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือของบุคคลอื่น
  • ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการปฏิบัติงานและรักษา ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลอื่น
  • ความเชื่อในลัทธิศาสนา ปรัชญา เชื้อชาติ สัญชาติ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูล พันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เพื่อประกอบการจัดให้มีสิ่งอํานวยความสะดวก กิจกรรมและสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงาน รวมถึงเพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านการดูแลพนักงานอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ตามหลักสิทธิมนุษยชน
  • ข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย เช่น เพื่อป้องกันหรือ ระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลในกรณีที่พนักงานไม่สามารถให้ความยินยอมได้ เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของพนักงาน เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม และสวัสดิการของพนักงาน

4.3 ในกรณีที่จําเป็น บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของพนักงาน โดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากพนักงานหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกําหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ เพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของพนักงาน

4.4 ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม ซึ่งจะเก็บจากการหลักฐานที่พนักงานนํามาแสดงหรือพนักงานยินยอมให้ตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีอํานาจหน้าที่ตามกฎหมาย โดยบริษัทจะจัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลดังกล่าวตามที่กฎหมายกําหนด

  1. การใช้คุกกี้

คุกกี้ (Cookie) คือ แฟ้มข้อมูลขนาดเล็กที่เบราว์เซอร์จัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์  เมื่อเชื่อมต่อและเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท โดยคุกกี้จะช่วยเบราว์เซอร์ในการนำทางไปยังส่วนต่างๆ ภายในเว็บไซต์ ข้อมูลจากคุกกี้จะช่วยให้เว็บไซต์สามารถให้บริการตรงกับความต้องการได้มากขึ้น คุกกี้จะจดจำประเภทของเบราว์เซอร์ที่ใช้ และโปรแกรมเบราว์เซอร์ที่ติดตั้งเพิ่มเติม นอกจากนั้น คุกกี้ยังจะจดจำสิ่งที่ชอบ เช่น ภาษา ภูมิภาค และกำหนดให้เป็นค่าตั้งอัตโนมัติเมื่อกลับเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์อีกครั้ง  และเมื่อเข้าใช้บริการเว็บไซต์ สามารถตั้งค่าเพื่อ ยอมรับคุกกี้ทั้งหมด หรือปฏิเสธคุกกี้ทั้งหมดได้  แต่การปฏิเสธการใช้งานคุกกี้อาจส่งผลต่อการใช้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้  อย่างไรก็ตามคุกกี้ไม่ได้รวบรวมข้อมูลที่เก็บบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ของเจ้าของข้อมูล  เพื่อคุ้มครองความเป็นส่วนตัว  การเก็บคุกกี้นั้นเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

  1. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม

6.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยอาศัยความยินยอมของพนักงาน พนักงานมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของพนักงานที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่พนักงานได้ให้ความยินยอมไปแล้ว

6.2 หากพนักงานถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้เราไม่สามารถดําเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้

  1. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

7.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานในระยะเวลาที่จําเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตาม ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี

7.2 บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไว้ตลอดระยะเวลาที่เป็นพนักงาน เพื่อปฏิบัติตามสัญญา และตามระยะเวลาที่จําเป็น โดยกรณีที่เจ้าของข้อมูลสิ้นสุดการเป็นพนักงาน หรือยุติความสัมพันธ์ หรือสิ้นสุดการจ้างกับบริษัท หรือไม่มีการใช้บริการ หรือทำธุรกรรมกับบริษัทแล้ว  บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้เป็นเวลา 10 ปี หลังจากนั้น หรือจัดเก็บตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือตามอายุความ หรือเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

7.3 บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกครอบครัวหรือผู้อยู่ในความดูแลของพนักงานไว้ ตามระยะเวลาที่จําเป็นต่อการประมวลผล เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อตอบสนองต่อสิทธิของพนักงานในการได้รับสวัสดิการตามข้อบังคับและระเบียบการบริหารงานบุคคลของบริษัท

7.4 กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน โดยขอความยินยอมจากพนักงาน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าพนักงานจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอม และจะดําเนินการตามคําขอของพนักงานเสร็จสิ้นแล้ว บริษัทจะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเท่าที่จําเป็นสําหรับบันทึกเป็นประวัติว่าพนักงานเคยยกเลิกความยินยอม เพื่อให้เราสามารถตอบสนองต่อคําขอของพนักงานในอนาคตได้

7.5 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดําเนินการลบหรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกําหนด ระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจําเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น

8.1 บริษัทเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานกับบุคคลและนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ การเก็บรวบรวม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น ผู้ให้บริการเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลากร การจ้างงาน การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติ การทดสอบคุณสมบัติ และความสามารถ ระบบสารสนเทศ สถาบันการเงิน คู่ธุรกิจ ผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ หน่วยงานของรัฐ และบุคคลอื่นที่จําเป็น  เพื่อให้เราสามารถดําเนินธุรกิจและ ให้บริการแก่พนักงาน รวมถึงดําเนินการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้

8.2 บริษัทจะกําหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของพนักงานอย่างเหมาะสมและ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จําเป็นเท่านั้น และดําเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยปราศจากอํานาจโดยมิชอบ

  1. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

9.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นใน ต่างประเทศในกรณีที่จําเป็น เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งพนักงานเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทําตามสัญญาระหว่างบริษัทฯ กับบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของพนักงาน หรือเพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอของพนักงานก่อนเข้าทําสัญญา หรือเพื่อป้องกัน หรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของพนักงาน หรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือความการจําเป็นเพื่อดําเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สําคัญ

9.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของพนักงานบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการ โดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สําเร็จรูปและ รูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสําเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกําหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม

9.3ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปยังต่างประเทศ  บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทําให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานจะได้รับการคุ้มครอง และพนักงานสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานได้ตามกฎหมาย รวมถึงจะกําหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของพนักงานอย่างเหมาะสม  และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จําเป็นเท่านั้น และดําเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอํานาจโดยมิชอบ

  1. มาตรการความปลอดภัยสําหรับข้อมูลส่วนบุคคล

10.1 ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเป็นสิ่งสําคัญ  บริษัทได้นํามาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิค และการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึงการใช้ หรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลง เปลี่ยนแปลง และการทําลายโดยใช้เทคโนโลยี และขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัส และการจํากัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน และบุคคลเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสําคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

10.2 บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจําเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มี ประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม

  1. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

11.1 พนักงานมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สรุปดังนี้

  • สิทธิถอนความยินยอมที่พนักงานได้ให้ไว้กับบริษัท เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
  • สิทธิขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
  • สิทธิส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนดไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
  • สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับพนักงาน
  • สิทธิลบ หรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของพนักงานได้
  • สิทธิระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
  • สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  • สิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

11.2 บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคําร้องขอใช้สิทธิของพนักงานโดยเร็วภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคําร้องขอดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  1. ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก

หากพนักงานให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกใดๆ เช่น คู่สมรส บุตร บิดา มารดา บุคคลในครอบครัว บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง บุคคลค้ำประกัน และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพนักงานรับรองว่าพนักงานมีอํานาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าว และมีหน้าที่ให้บุคคลดังกล่าวอนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามประกาศฉบับนี้ได้  อีกทั้งพนักงานต้องรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบ  และขอรับความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง

  1. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะดำเนินการทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่เห็นสมควร หรือเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญต่อการปฏิบัติงานตามนโยบายฉบับนี้ หรือเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบผ่านช่องทางการประกาศที่เหมาะสม

  1. ข้อมูลการติดต่อสอบถาม

กรณีที่มีข้อสอบถามเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โปรดติดต่อ
14.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล :  บริษัท โภคา ฟีด จํากัด
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 284/1  หมู่ 1  ตำบล ดอนยายหอม  อำเภอ เมืองนครปฐม  จังหวัด นครปฐม
หมายเลขโทรศัพท์ : 034-300181-3   โทรสาร :  034-300180  อีเมล : info@phocagroup.com
14.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 284/1  หมู่ 1  ตำบล ดอนยายหอม  อำเภอ เมืองนครปฐม  จังหวัด นครปฐม
หมายเลขโทรศัพท์ : 034-300181-3    โทรสาร :  034-300180  อีเมล : personnel.phoca@gmail.com

ประกาศ ณ วันที่   1    มิถุนายน   พ.ศ.  2565         
บริษัท โภคา ฟีด จำกัด        

 

 

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำหรับลูกค้าและคู่ค้า

ด้วย บริษัท โภคาฟีด จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562  และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง  ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็น ลูกค้า และคู่ค้า อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในความเป็นส่วนตัวของบุคคล โดยกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  ได้กําหนดหลักเกณฑ์ หรือมาตรการในการกํากับดูแลการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิต่างๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล  บริษัทฯ จึงได้กําหนดนโยบายฉบับนี้ขึ้นเพื่อเป็นหลักในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

คำนิยาม

กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือความเป็นส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นกฎหมายภายในประเทศ กฎหมายต่างประเทศ หรือกฎหมายของภูมิภาคใดๆ ที่มีผลใช้บังคับกับบริษัทฯ หรือการประกอบธุรกิจของบริษัท

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อและนามสกุล เลขบัตรสำคัญประจำตัว เป็นต้น ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

บริษัทฯ  หมายถึง  บริษัท โภคา ฟีด จำกัด

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ลูกค้า และคู่ค้า ของบริษัทฯ ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล  หมายถึง บริษัทฯ ซึ่งมีอํานาจตัดสินใจเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ ซึ่งบริษัทฯ ที่ได้ข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูล หรือให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล หรือต้องปฏิบัติตามสัญญากับเจ้าของข้อมูล

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ทําหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทฯ

 

แนวทางปฏิบัติ

  1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทฯจะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่กำหมดไว้ในประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( Privacy Notice) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ชอบด้วยกฎหมายของทางบริษัทฯ
    • บริษัทฯจะไม่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างไปจากวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่กฎหมายบัญญัติให้กระทำได้
  2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทฯจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็น ตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหมด
  3. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทฯจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทฯจะแจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ/หรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทฯจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาที่จำเป็น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ
  4. การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทฯ จะใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็น ตามวัตถุประสงค์และ/หรือตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
    • บริษัทฯ จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือเว้นแต่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
    • บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลอื่น ทั้งในและต่างประเทศ เช่น ผู้ให้บริการในด้านต่างๆ ที่ดำเนินงานเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล โดยในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังกล่าว บริษัทฯ จะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
    • บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่หน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลในเรื่องต่างๆ รวมถึงบุคคลอื่นซึ่งได้ร้องขอให้บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่น การร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นต้น
    • บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคลากรของตน และบุคคลภายนอกเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจ หรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
  1. การดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
    • เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
    • บริษัทฯ จะดำเนินตามคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยบริษัทฯ จะจัดทำบันทึกการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นหลักฐาน
  2. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

ในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างประเทศ  บริษัทฯ จะต้องแน่ใจว่าประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ และเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

  1. การลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทฯ จะทำลายหรือลบข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้

(1) เมื่อพ้นระยะเวลาการใช้งานตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

(2) เมื่อเกินความจำเป็น

(3) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ

เว้นแต่หน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบจะสามารถเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ต่อไปตามที่กฎหมายแต่ละประเทศกำหนด

  • การลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลออกจากระบบการจัดเก็บต้องเป็นวิธีการที่ปลอดภัย และไม่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล
  • มาตรการความปลอดภัยสําหรับข้อมูลส่วนบุคคล
    • ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิ่งสําคัญ บริษัทฯได้นํามาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิค และการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึงการใช้ หรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลง เปลี่ยนแปลง และการทําลายโดยใช้เทคโนโลยี และขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัส และการจํากัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า และบุคคลเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสําคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทฯ จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจําเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม
  1. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
    • เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สรุปดังนี้
  • ถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทฯ เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  • ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
  • ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลกําหนดไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
  • คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง
  • ลบ หรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
  • ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
  • แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  • ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทฯ หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทฯ หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทฯ จะพิจารณา และแจ้งผลการพิจารณาตามคําร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยเร็ว ทั้งนี้จะดำเนินการภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทฯ ได้รับคําร้องขอดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  1. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะดำเนินการทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่เห็นสมควร หรือเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญต่อการปฏิบัติงานตามนโยบายฉบับนี้ หรือเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบผ่านช่องทางการประกาศที่เหมาะสม

  1. ข้อมูลการติดต่อสอบถาม

กรณีมีข้อสอบถามเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โปรดติดต่อ
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล : บริษัท โภคา ฟีด จํากัด
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 284/1  หมู่ 1  ตำบล ดอนยายหอม  อำเภอ เมืองนครปฐม  จังหวัด นครปฐม
หมายเลขโทรศัพท์ : 034-300181-3   โทรสาร :  034-300180  อีเมล : info@phocagroup.com

ประกาศ ณ วันที่   1    มิถุนายน   พ.ศ.  2565       

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า